================================================== -->
ญาติเตรียมเผาศพ ช่อลัดดา เหยื่อสาดน้ำกรด วอนช่วยเหลือ น้องเตเต้ 14 พฤศจิกายน พศ 2561 เวลา 10:34 น 14 พย 61 - เมื่อเวลา 0900 น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการจัดงานศพ ของ นสช่อลัดดา ทาระวัน อายุ 38 ปี ที่บ้านเลขที่ 10 ม9 บแสงอรุณ ตโนนทอง อแวงใหญ่ จขอนแก่น ยังคงเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยยังคงมีคนในครอบครอบครัวของผู้ตาย รวมไปถึงเพื่อนบ้านเดินทางมาเคารพศพผู้ตายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หลายหน่วยงานทั้งจากทางราชการ และภาคเอกชนเดินทางเข้ามาให้การช่วยเหลือ โดยมีนางทองอาจ ทาระวัน อายุ 59 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต และ ดญเตชินี โฆสิตานนท์ หรือน้องเตเต้ อายุ 12 ปี ลูกสาวคนเดียวของผู้เสียชีวิต คอยให้การต้อนรับแขก โดยเช้าวันนี้พบว่าแต่ละคนอยู่ในอาการที่อ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะน้องเตเต้ ที่ได้รับบาดเจ็บจากน้ำกรดขณะช่วยเหลือแม่ที่เสียชีวิตในช่วงของการนำตัวส่งโรงพยาบาล
แอมเนสตี้ ถอด อองซาน ซูจี พ้นทูตแห่งมโนธรรมสำนึก เห็นหัวข่าวนี้ปุ๊บ ความรู้สึกตอบสนองเกิดกับผมปั๊บ โธ่ไอ้องค์กรสถุล ! ให้แล้วทวงคืน ทำเหมือนเด็ก ดีกัน ก็เอ้า ฉันให้เธอ แต่พอโกรธกันเอาของฉันคืนมา ในอารยสังคมตะวันออก เขาไม่ทำกันหรอก เพราะคนบูรพา จิตพัฒนาเหนือวัตถุ มีแต่คนตะวันตกเท่านั้น เจริญวัตถุ เถื่อนทางจิต ก็ใช้ความเถื่อนนั้น เป็นทัศนคติมองคนอื่น พวกหวังสถาปนา อำนาจเดียวครองโลก อย่าง CFR กะใช้นางอองซานเป็นทางเดินอำนาจของจักรวรรดินิยมตะวันตกเข้าไปยึดครองพม่า เป็นกันชนจีน ในภูมิภาคนี้ ก็เอารางวัลมาคล้องคอนางอองซาน ตั้งแต่ตอนถูกกักตัว สร้างภาพ ประชาธิปไตย เริ่มแล้ว ในพม่า ตามแผนก็เห็นกันอยู่ ปลุกประชาธิปไตย เอาเผด็จการทหารลง เชิดนางอองซาน ร่างทรง ขึ้น ด้วยมั่นใจ นางอองซาน จะเป็นเด็กดีของเขาได้ และสุดท้าย นางอองซานกับกองทัพก็จะต้องฟัดกันเป็นศึกในประเทศ แล้ว นางอองซาน ก็จะต้องพึ่งบริการอำนาจนอกหนุน และนั่น ประชาธิปไตย CFR เจ้านายแอมเนสตี้ ฮิวแมนไรต์ โดยตรง ก็จะฉวยโอกาสเป็นอำนาจแทรกใน ร่างทรง สมบูรณ์ เขาทำมาแล้ว สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ทั้งในลาตินอเมริกา ในตะวันออกกลาง ที่ยังเป็น อารมณ์ค้าง อยู่ก็หลายแห่ง แต่ปรากฏว่า นางอองซาน เธอไม่ใช่ตุ๊กตาการเมืองให้ ประชาธิปไตย CFR ไขลาน อย่างที่คิด CFR ต้องการให้เธออุ้มโรฮีนจา เธอก็ไม่อุ้ม ต้องการให้เธอเป็นปฏิปักษ์กับกองทัพ เธอก็ไม่เป็น เพราะเธอ คือพม่า ประเทศก็ ประเทศพม่า กองทัพก็ กองทัพพม่า ประชาชนก็ ประชาชนพม่า อำนาจที่เธอมีวันนี้ก็ เพื่อความเป็นชาติพม่า แล้วมันเรื่องอะไร แค่แอมเนสตี้เอารางวัลบ้าๆ บอๆ มาสวมคอให้ เธอต้องไปห้ำหั่นกับกองทัพ ต้องไปเป็นศัตรูกับคนพม่าทั้งประเทศ โดยไปอุ้มโรฮีนจา เพื่อตอบสนองและเอาใจประชาธิปไตยห่วยๆ จากแก๊ง CFR ผ่านสมุนรับใช้ในคราบแอมเนสตี้? เรื่องโรฮีนจานั่นน่ะ เราเป็นคนนอกชาติเขา ส่วนมาก รู้เรื่องราวทั้งลึก-ทั้งตื้น ในความเป็น ปัญหาพม่า แค่เปลือก คือรู้เท่าที่ขบวนการ ปั้นข่าวสาร จะป้อนและปั้นแต่งให้รู้เท่านั้น ก็เห็นกันอยู่มิใช่หรือ ว่าข่าวสารที่ปั่นโลกให้ไปทางไหน ในยุคโลกาภิวัตน์ เป็นพวกไหน ที่ระบายสี-ชี้นำทิศ? เรื่องโรฮีนจา ในรัฐยะไข่ นั้น พวกมนุษย์ยุคไร้พรมแดน ชอบใช้คำว่า มนุษยชาติ-มนุษยธรรม เป็นคำตอบในทางออก เท่ในความมักง่ายดี ชาติใคร-ประเทศใคร ใครก็รัก-ใครก็หวง ลองใครอยู่ในสถานะ นางอองซาน ซูจี และอยู่ในสถานะ ประชาชนพม่า ดูซี เลือดในตัวจะบอกหัวใจเองว่าอะไร-เป็นอะไร และควรต้องทำแบบไหน อย่างไร? ในความซับซ้อนของปัญหา ที่จักรวรรดิอำนาจตะวันตก เมื่อครั้งเข้าครอง มันวางเป็น หมากกล ไว้! เชื่อแน่ ทุกคน ก็จะทำอย่างที่ นางอองซาน ทำวันนี้แหละ เท่าที่ผมเคยฟังคนพม่า ในพม่า คุยให้ฟัง มีแต่คนสนับสนุนแนวทางที่นางอองซานทำทั้งนั้น! มีแต่ คนนอกชาติ-นอกประเทศ เหยื่อข่าวประชาธิปไตยปั้นแต่ง อย่างเราๆ เท่านั้น บ้าใบ้ ใหลหลง ไปในทิศทาง ผลักภาระ ให้ชาวเราอุ้ม ส่วนชาวมันเอง เห็นมั้ย ใครเคยเห็นสหรัฐฯ รับโรฮีนจา หรือผู้ลี้ภัย ผู้อพยพ ไปอยู่บ้าง? เห็นแต่ สั่งกองทัพ สั่งตำรวจ ตรึงตลอดแนว สกัดคนอพยพเข้าทางเม็กซิโก! ผู้นำที่แท้จริง ชาติ-ประชาชน ต้องมาก่อน ไม่ใช่ ขายประเทศชาติ ให้ต่างชาติ เพื่อตัวเองและโคตรรวยก่อน อย่างบางผู้นำมันทำ! เพราะอย่างนี้แหละ ที่เลขาธิการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากล เขียนจดหมายถึง นางอองซาน วันก่อน ขอริบรางวัล Ambassador of Conscience Award ที่ให้เมื่อปี ๕๒ คืน! ด้วยเหตุผล ว่า เธอล้มเหลวในการขัดขวางกองทัพ แถมยังปกป้องกองทัพ จากความรับผิดชอบสำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮีนจา เป็นการทรยศอย่างน่าละอายต่อคุณค่าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยยืนหยัดต่อสู้ เป็นผมนะ มึงทวงคืนเรอะ โยนใส่ถังขยะ แล้วถ่ายรูป ส่งอินสตาแกรม ไปให้นายคูมี เลขาฯ แอมเนสตี ดูก่อนเลย พร้อมข้อความ รางวัลอยู่ในถังขยะ เตรียมรับนะจ๊ะ วัน-สองวันจะถึง ! มันไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรเลย การที่ทวงคืน ไม่ใช่ประจานนางอองซานนะ ในความเป็นหนึ่งในประชาสังคม ผมรับรู้ว่า แอมเนสตี้ประจานตัวเอง บัดซบที่สุด ! ให้รางวัล ไม่ได้มองเห็นค่าแท้จริงในความเป็น นางอองซาน ซูจี ในการให้ หากแต่เอารางวัลเป็นเหยื่อล่อ เจตนาหวังหลอกใช้นางเป็นเครื่องมือประชาธิปไตยเท่านั้น เมื่อไม่เป็นดังใจ เขียนจดหมาย ขอริบ ! แอมเนสตี้ทำครั้งนี้ เป็นทั้งทำลายและออกลายตัวเอง หมดค่า-หมดราคา ในตลาดสังคมโลกไปเลย ใครเป็นนักการเมือง ดูเยี่ยง นางอองซาน ซูจี ไว้ ไม่ใช่บูชาต่างชาติเหนือหัว เอะอะก็ ต่างชาติ ดีกว่า ไปดึงต่างชาติเข้ามา เอะอะก็ ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน วันๆ ซ่องสุมต่างชาติที่คิดไม่ซื่อกับเรา เป็นไส้ศึก ไขข่าวสารลับ ให้เขาในทุกเรื่อง ประชาธิปไตยในพม่า นั้น ใช่ว่านางอองซานเธอไม่ประสา เธอรู้ และลุ่มลึก เธอยอมติดคุก-ถูกกักบริเวณมากี่ปี เธออดทน อดกลั้น ชนิดมีแผน มีเป้าหมาย เพื่ออนาคตประเทศ ของเธอ เธอสุขุม ลุ่มลึก รู้ว่า ปัญหาพม่า และการเมืองเรื่องอำนาจในพม่า รวบรัด เอาแต่ใจ ไม่ได้ แค่ เลือกตั้ง ชนะ แล้วทึกทักว่าสถาปนาอำนาจสำเร็จ แบบนั้น ควาย ๕ ตัว รวมกัน ยังไม่เท่านักการเมืองโง่ ๑ คน! ประชาธิปไตยเลือกตั้ง นั่นแค่ เปิดประตู ยังไม่ได้ก้าวเดินด้วยซ้ำ ถ้าขึ้นต้น แตกหักกับกองทัพ พม่าจะกลับไป -๐ อีกทันที! และการรับมือโรฮีนจา ลำพังเธอ ถึงออกหน้า ก็ไม่มีทางสำเร็จ ที่ทหารออก ก็ยังแค่ปะทะปะทัง ประชาธิปไตยหลอกใช้ มันจึงโกรธไงล่ะ ที่นางอองซานไม่ลงไปเล่นในเกมโรฮีนจาให้ขยายเป็นเรื่องใหญ่ลุกลามตามแผน มันจ้องจังหวะเข้า จึงไม่มีช่องให้เข้า! ดูเขาแล้ว ก็หัดมองดูเรากันบ้าง เพราะทุกวันนี้ มันก็ จ้องเข้า อยู่ ประชาธิปไตยเลือกตั้ง ประเภทปั่น การเมืองกับกองทัพ ให้เป็นขั้วบวก-ขั้วลบกันนั้น สมประโยชน์ดี กับพวกประชาธิปไตยกินเมือง
โพสต์บล็อกทั้งหมด£¨916£©
การจำแนกประเภท: เฉียนหัวเน็ต
foxz168s£¬ ที่ผ่านมา พลตอจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบตร ได้กำชับทุกพื้นที่มาตลอดในการป้องกัน ปราบปราม ไม่ให้มีการปล่อยปละละเลย อบายมุข บ่อนการพนัน สถานบริการ หรือการค้ามนุษย์ เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ โดยหากมีหน่วยอื่น เข้าตรวจค้นจับกุม หน่วยพื้นที่ต้องรับผิดชอบ ก็จะพิจารณาข้อบกพร่องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกนาย ตามคำสั่ง ตรที่ 234/2558 ลงวันที่ 27 เมย 2558 เรื่อง การพิจารณาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บกพร่องในการป้องกันและปราบปราบอบายมุข ทั้งนี้จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าตำรวจท้องที่เกิดเหตุปล่อยปละละเลยหรือไม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รองโฆษก ตร ระบุพรรคอะไหล่แม้วป่วน ทักษิณบินเข้าสิงคโปร์ เคลียร์เขตสมุนลงสส 14 พฤศจิกายน พศ 2561 เวลา 00:01 น ปปชยืดระยะเวลาบังคับใช้กฎหมาย 60 วัน ชะลอ นายกฯ-กรรมการสภามหาวิทยาลัย ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ระบุอาจไม่คุ้นชิน แต่ย้ำยังต้องยื่นอยู่ดี ด้าน รมชศึกษาธิการ เกรงสุญญากาศ วอนอย่าเพิ่งลาออก แนะให้เทียบอำนาจหน้าที่ อย่าแค่ตำแหน่ง เสนอทางออกแก้ กม-ใช้ ม44 เมื่อวันที่ 13 พย ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) สนามบินน้ำ จนนทบุรี นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ปปช แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ปปช ว่า ตามที่ประกาศคณะกรรมการ ปปช เรื่องกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 102 พศ2561 ได้ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 พย61 และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 2 ธค61 นั้น ต่อมามีกรณีที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ) ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 พย61 ให้เสนอคณะกรรมการ ปปช ทบทวนการออกประกาศดังกล่าวในส่วนของตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย คณะกรรมการ ปปชพิจารณาแล้ว เห็นว่าตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยยังคงเป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ปปช นายวรวิทย์กล่าวว่า แต่เนื่องจากเป็นตำแหน่งใหม่ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หากจะให้ประกาศฯ มีผลใช้บังคับทันทีกับผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จะกระทบต่อการบริหารงานในมหาวิทยาลัย จึงมีมติให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการ ปปชดังกล่าว เฉพาะในส่วนของตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย โดยไม่รวมถึงตำแหน่งอธิการบดี ทั้งในสถาบันอุดมศึกษา ในกำกับของรัฐ และสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดของรัฐ ตามข้อ 787 และข้อ 7106 ของประกาศ รวมถึงตำแหน่งประธานสภาสถาบัน รองประธานสภาสถาบัน และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า ตามข้อ 7861 ให้ขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ออกไปอีก 60 วัน นับแต่วันที่ 2 ธค61 และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 31 มค62 เพื่อคณะกรรมการ ปปชจะได้รวบรวมความคิดเห็นของบุคลากรทางการศึกษา ภาคส่วนต่างๆ ของสังคม เพื่อพิจารณาใ นรายละเอียดต่อไป ตำแหน่งนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ประธานสภา รองประธานสภา และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า เป็นตำแหน่งใหม่ กรรมการแต่ละคนอาจไม่คุ้นเคย ต้องใช้ระยะเวลา ถ้ามีกรรมการคนหนึ่งคนใดลาออก เรื่องการสรรหาคนมาทดแทนต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง หากบังคับใช้กฎหมายทันทีอาจมีผลกระทบต่อการบริหารงาน จึงไปดูตัวกฎหมายต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเบื้องต้นแล้ว เห็นว่าระยะเวลาบังคับใช้กฎหมาย 60 วัน เหมาะสมที่ทางมหาวิทยาลัยจะแก้ไขปัญหากรณีมีบุคลากรลาออก นายวรวิทย์ กล่าว ทางด้าน นพอุดม คชินทร รมชศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจาก ปปชขยายเวลาบังคับใช้ประกาศ ปปชออกไป 60 วัน ทำให้มีเวลาที่จะไปหาทางออก และทำให้นายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยมีโอกาส ขณะนี้ตนพยายามที่จะส่งข่าวไปยังนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยทุกแห่งว่าอย่าเพิ่งลาออก รอให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กับ ปปชได้หาทางออกกันก่อน อย่างที่ทราบกัน ผลกระทบมากกว่าที่เราคิดไว้มาก อย่างน้อยการที่ ปปชยืดออกไป 60 วัน จะได้มีเวลาหารือกันมากขึ้น ซึ่งน่าเห็นใจ ปปชเหมือนกันว่าจะหาทางออกอย่างไร เนื่องจากต้องทำตาม พรบปปชอย่างเดียว ดังนั้น มันต้องมาช่วยกันทั้งทางรัฐบาลและ ปปช เช่น จะแก้ พรบปปชใหม่หรือไม่ ซึ่งก็ต้องใช้เวลา หรือบางคนเสนอให้ใช้มาตรา 44 เป็นเรื่องที่ต้องไปคุยและตกลงกัน ผมคิดว่าถ้าจะแก้ต้องแก้ทั้งกระบิ จะมายกเฉพาะมหาวิทยาลัย แต่กลุ่มอื่นๆ อย่างองค์การมหาชนไม่ให้ก็จะเป็นประเด็นอีก ดังนั้นขอให้ใจเย็นนิดนึง อย่าเพิ่งลาออกตอนนี้ ถ้าลาออกกันเยอะๆ มันจะเกิดสุญญากาศ องค์ประชุมจะไม่ครบ มันจะลำบาก เพราะสภามหาวิทยาลัยต้องอนุมัติหลักสูตร ซึ่งมีการเสนอเข้าในที่ประชุมทุกครั้ง หรือตำแหน่งทางวิชาการ ที่มีการพิจารณากันทุกเดือน จะทำให้มีผลกระทบแน่นอน นพอุดมกล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงเวลา 60 วันที่ยืดออกไป หากนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยยืนยันจะลาออก จะเพียงพอในการหาคนใหม่มาทดแทนหรือไม่ นพอุดมกล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ทันอยู่ดี การยืด 60 วัน ทำให้คนที่คิดจะลาออกมีเวลาพิจารณามากขึ้น เพียงแต่ถ้ายังไม่พอใจสิ่งที่เราจะปรับให้ เขาก็มีสิทธิ์จะลาออกอยู่ดี ซึ่งคงเป็นช่วงท้ายๆ ในระยะเวลา 60 วัน แต่กระบวนการสรรหาใหม่เร็วสุดต้องใช้เวลา 2 เดือน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ขอว่าอย่าเพิ่งลาออก เพราะรัฐบาลเต็มที่อยู่แล้วว่าต้องพยายามหาทางออกให้ได้ รมชศึกษาธิการกล่าวว่า ตอนที่ ปปชทำประกาศไม่ได้มาปรึกษากับทางกระทรวงศึกษาธิการ เพราะ ปปชต้องทำ พรปว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยเขียนไว้กว้างๆ ว่าต้องเป็นผู้บริหารระดับสูง ส่วนเป็นใครบ้าง ปปชเป็นผู้ตีความ ซึ่งตนคิดว่าการเทียบตำแหน่งไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องทีเดียว แต่ต้องเอาอำนาจหน้าที่เป็นหลัก สภามหาวิทยาลัยอนุมัติแต่หลักสูตรและตำแหน่งต่างๆ ไม่มีสิทธิ์อนุมัติงบประมาณ แค่เห็นชอบเพื่อส่งมาให้สำนักงบประมาณ เป็นเพียงทางผ่านเฉยๆ ไม่มีอำนาจหน้าที่อะไรเกี่ยวกับเรื่องเงินเลย แต่พอ ปปชเทียบเอาตำแหน่งเป็นหลักทั้งที่บางตำแหน่งไม่เกี่ยวข้องเลย มันจึงเกิดผลกระทบ เป็นความปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดขึ้น นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาฯ กกอ) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) มีมติเกี่ยวกับประกาศ ปปช เรื่องกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พศ2561 ในส่วนของตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ยังคงเป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ปปช แต่ให้มีการขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ออกไปอีก 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2561 ดังนั้นจึงจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 มกราคม 2562 ว่าในส่วนของการลาออกจากตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยของรัฐนั้น เป็นเรื่องภายในของมหาวิทยาลัย ไม่ต้องแจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ) ซึ่งตนเข้าใจว่าหากจะมีการลาออกจริง อาจจะมีการตัดสินใจในช่วงใกล้วันที่ประกาศดังกล่าวจะบังคับใช้ เนื่องจากสภามหาวิทยาลัยจำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งนี้ หากกรรมการสภามหาวิทยาลัยตัดสินใจที่จะลาออก ก็จะมีการแจ้งให้มหาวิทยาลัยรับทราบอยู่แล้ว เพื่อที่ฝ่ายบริหารจะได้เตรียมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิมาทดแทนต่อไป เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีกรรมการสภามหาวิทยาลัยลาออก จะกระทบต่อการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยหรือไม่ นายสุภัทรกล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับปฏิทินการดำเนินงานของแต่ละมหาวิทยาลัย ซึ่งตนคิดว่าสภามหาวิทยาลัยควรจะมีการวางแผนการดำเนินงานให้ดี เช่น หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงหลักสูตรอย่างเร่งด่วน และกรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ครบ ก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ เป็นต้น ด้าน นพกำจร ตติยกวี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในส่วนของกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชุดนี้ที่กำลังจะหมดวาระอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้านี้นั้น หากปปชขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวออกไปอีก 60 วัน ตนคิดว่าน่าจะอยู่ได้ เพราะกรรมการส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสภาจุฬาฯ หรือที่อื่นๆ ที่ใกล้จะหมดวาระมองว่าการยื่นบัญชีทรัพย์เป็นความวุ่นวาย เนื่องจากใกล้จะหมดวาระแล้ว จึงตัดสินใจที่จะลาออกมากกว่า เพราะตนคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่จะยื่นหรือไม่ยื่น อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าความวุ่นวายนี้จะยังไม่จบ เพราะมหาวิทยาลัยนอกจากจะต้องการความช่วยเหลือด้านวิชาการแล้ว ยังต้องการความช่วยเหลือจากสังคมในด้านอื่นๆ ด้วย ซึ่งประสบการณ์และแนวความคิดจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะสามารถช่วยในการทำนายอนาคตของบัณฑิตที่นะผลิตขึ้นในแต่ละมหาวิทยาลัยได้ด้วย และหากขาดในส่วนนี้ไป จะหาคนมาทดแทนได้หรือไม่นั้น ตนคิดว่าเป็นประเด็นที่น่าปวดหัวของแต่ละมหาวิทยาลัย ความคิดของการแจงทรัพย์สินมาจากข้าราชการที่ทำหน้าที่เดียว และมีรายได้ทางเดียว ในขณะที่ภาคเอกชนที่ไม่ได้มีรายรับทางเดียวเหมือนกับข้าราชการ และยังมีทรัพย์สินส่วนตัวที่ไม่ต้องการจะเปิดเผย เพราะอาจจะส่งผลต่อธุรกิจ ดังนั้นการที่จะให้นักธุรกิจภาคเอกชนมาเท่ากับข้าราชการ ผมว่ามันไม่ใช่ นพกำจรกล่าวปสเปิดปฏิบัติการ พีอาร์เงินล้าน ทลายแก๊งค้ายาสถานบันเทิง 14 พฤศจิกายน พศ 2561 เวลา 09:46 น
ไอดอลทางการเมืองญาติเตรียมเผาศพ ช่อลัดดา เหยื่อสาดน้ำกรด วอนช่วยเหลือ น้องเตเต้ 14 พฤศจิกายน พศ 2561 เวลา 10:34 น 14 พย 61 - เมื่อเวลา 0900 น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการจัดงานศพ ของ นสช่อลัดดา ทาระวัน อายุ 38 ปี ที่บ้านเลขที่ 10 ม9 บแสงอรุณ ตโนนทอง อแวงใหญ่ จขอนแก่น ยังคงเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยยังคงมีคนในครอบครอบครัวของผู้ตาย รวมไปถึงเพื่อนบ้านเดินทางมาเคารพศพผู้ตายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หลายหน่วยงานทั้งจากทางราชการ และภาคเอกชนเดินทางเข้ามาให้การช่วยเหลือ โดยมีนางทองอาจ ทาระวัน อายุ 59 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต และ ดญเตชินี โฆสิตานนท์ หรือน้องเตเต้ อายุ 12 ปี ลูกสาวคนเดียวของผู้เสียชีวิต คอยให้การต้อนรับแขก โดยเช้าวันนี้พบว่าแต่ละคนอยู่ในอาการที่อ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะน้องเตเต้ ที่ได้รับบาดเจ็บจากน้ำกรดขณะช่วยเหลือแม่ที่เสียชีวิตในช่วงของการนำตัวส่งโรงพยาบาลบอร์ดกกพถกด่วน 14 พย นี้ หาแนวทางรับมือ หลังจีพีเอสซียื่นอุทธรณ์ ตลท หลังโดนคำสั่งห้ามซื้อหุ้นโกลว์ พร้อมอนุมัติทรอปิคอล วินด์ เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว ชี้ผลตรวจเหตุใบกังหันหลุดเรียบร้อยดังนั้นเรื่องของการจัดสรรคลื่นความถี่ให้พอเพียงกับความต้องการใช้ 5จี นั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยความเร็วในการรับส่งข้อมูลเบื้องต้นในยุค 5จี จะมีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงกว่า 4จี อย่างน้อย 10 เท่า หรือ เรียกว่า เป็นการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วที่ระดับ กิกะบิตเพอร์เชค(Gbps) ซึ่งก็จะรับส่งข้อมูลจำนวนสูงขนาดนี้ จำเป็นต้องใช้คลื่นความถี่จำนวนมากขึ้นตามไปด้วย เพื่อรองรับคุณสมบัติดังกล่าว อย่างน้อยที่สุดคลื่นที่จะนำมาใช้ได้ ก็จะต้องช่วงความกว้างของคลื่นความถี่ จะต้องไม่ต่ำกว่า 50-100 MHz จึงบอกได้เลยว่าจำนวนคลื่นความถี่ที่ให้บริการในปัจจุบันจะมีไม่เพียงพออย่างแน่นอน และจำเป็นจะต้องสรรหาคลื่นใหม่มาจัดสรรเพิ่มเติม เพื่อรองรับการให้บริการบนเทคโนโลยี 5จี
ก่อนหน้านี้:แอพแจ้งเตือนผลบอล
ต่อไป:ยิงปลา 2020
หลี่ลี่ซาน 2021-02-26
หลังจากชูลอร์ด £ºนายสมพงษ์กล่าวว่าโครงการปรับปรุงสถานีสะพานตากสิน(S6) งบประมาณ 11พันล้าน นั้นขณะนี้การออกแบบการขยายรางรวมถึงสถานีเพื่อแก้ปัญหารถไฟฟ้าบีทีเอสรอสับหลีก หรือแก้ปัญหาคอขวดได้ดำเนินการเสร็จแล้ว และทางบริษัทที่ปรึกษาได้นำแบบให้ทาง กรมทางหลวงชนบท(ทช) พิจารณาในส่วนของรูปแบบสะพานที่ต้องมีการขยายช่องจราจรออกไป ซึ่งขณะนี้ ทชก็ได้มีการอนุมัติแบบแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดการวิเคราะห์รายงานสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) โดยต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงสถานีเพื่อทำรายงานให้แล้วเสร็จภายในเดือน พยนี้
นายสมพงษ์กล่าวว่าโครงการปรับปรุงสถานีสะพานตากสิน(S6) งบประมาณ 11พันล้าน นั้นขณะนี้การออกแบบการขยายรางรวมถึงสถานีเพื่อแก้ปัญหารถไฟฟ้าบีทีเอสรอสับหลีก หรือแก้ปัญหาคอขวดได้ดำเนินการเสร็จแล้ว และทางบริษัทที่ปรึกษาได้นำแบบให้ทาง กรมทางหลวงชนบท(ทช) พิจารณาในส่วนของรูปแบบสะพานที่ต้องมีการขยายช่องจราจรออกไป ซึ่งขณะนี้ ทชก็ได้มีการอนุมัติแบบแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดการวิเคราะห์รายงานสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) โดยต้องมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงสถานีเพื่อทำรายงานให้แล้วเสร็จภายในเดือน พยนี้
Lu Zhen Gong Jglans 2021-02-26 23:52:42
ทนายสงกานต์ ลั่นศรัทธา พลังประชารัฐ ทางเลือกใหม่ของปชช 14 พฤศจิกายน พศ 2561 เวลา 10:52 น
จั๊กจั่นสิบเจ็ดปี 2021-02-26 23:52:42
พรรคอะไหล่แม้วป่วน ทักษิณบินเข้าสิงคโปร์ เคลียร์เขตสมุนลงสส 14 พฤศจิกายน พศ 2561 เวลา 00:01 น £¬หลายท่านก็แสดงทัศนะเข้ามา ด่าว่า คุณจตุพร อย่างหยาบคาย ด้วยการขุดคุ้ยพฤติกรรมอันน่ารังเกียจในคดี ของเขามาด่าว่า¡£ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร และนสยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาประเทศสิงคโปร์ เพื่อมาวางแนวทางการทำงานให้กับพรรค ทษช นั้น รทปรีชาพล กล่าวว่า ไม่ทราบ อย่างไรก็ตามคนที่มาร่วม ทษช ส่วนใหญ่จะเคยอยู่พรรคเพื่อไทย และเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย มีความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณทางการเมือง ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การมาตั้งพรรค ทษช จิตวิญญาณนั้นก็ไม่ได้หายไปจากเรา และนายทักษิณทำคุณประโยชน์ให้ประเทศมานานับประการ และยังอยู่ในหัวใจประชาชน วันนี้ท่านไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองแล้ว หากมีสมาชิกเดินทางไปพบก็ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล¡£
โคชิโร่ 2021-02-26 23:52:42
5จีเกิดได้หรือไม่ แนวทางจัดสรรคลื่นของกสทชเป็นตัวชี้วัด 14 พฤศจิกายน พศ 2561 เวลา 15:35 น £¬พุทธะอิสระ วอนสาวกให้อภัย จตุพร ชมมีจิตสำนึก-รู้ผิดชอบไม่หนีคุก 14 พฤศจิกายน พศ 2561 เวลา 11:07 น ¡£ จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายสันติภาพรับสารภาพว่า รับยามาจากนายประสงค์ ก่อนนำมาเก็บไว้ที่ห้องที่เช่าไว้นี้ นานกว่า 5 เดือนแล้ว โดยจะรับยามาครั้งละ 1-2 กระสอบ ภายในแต่ละกระสอบจะบรรจุยาไอซ์ 40-50 กิโลกรัม รอบปีที่ผ่านมาตรวจสอบพบเครือข่ายนี้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 500 ล้าน คาดว่าวันนี้จะสามารถยึดทรัพย์ได้เพิ่มอีกเท่าตัว พลตอเฉลิมเกียรติ ระบุ¡£
พูโลจี 2021-02-26 23:52:42
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร และนสยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาประเทศสิงคโปร์ เพื่อมาวางแนวทางการทำงานให้กับพรรค ทษช นั้น รทปรีชาพล กล่าวว่า ไม่ทราบ อย่างไรก็ตามคนที่มาร่วม ทษช ส่วนใหญ่จะเคยอยู่พรรคเพื่อไทย และเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย มีความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณทางการเมือง ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การมาตั้งพรรค ทษช จิตวิญญาณนั้นก็ไม่ได้หายไปจากเรา และนายทักษิณทำคุณประโยชน์ให้ประเทศมานานับประการ และยังอยู่ในหัวใจประชาชน วันนี้ท่านไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองแล้ว หากมีสมาชิกเดินทางไปพบก็ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล£¬เพชรชมพู กิจบูรณะ ¡£ ปปชยืดระยะเวลาบังคับใช้กฎหมาย 60 วัน ชะลอ นายกฯ-กรรมการสภามหาวิทยาลัย ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ระบุอาจไม่คุ้นชิน แต่ย้ำยังต้องยื่นอยู่ดี ด้าน รมชศึกษาธิการ เกรงสุญญากาศ วอนอย่าเพิ่งลาออก แนะให้เทียบอำนาจหน้าที่ อย่าแค่ตำแหน่ง เสนอทางออกแก้ กม-ใช้ ม44 เมื่อวันที่ 13 พย ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) สนามบินน้ำ จนนทบุรี นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ปปช แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ปปช ว่า ตามที่ประกาศคณะกรรมการ ปปช เรื่องกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 102 พศ2561 ได้ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 พย61 และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 2 ธค61 นั้น ต่อมามีกรณีที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ) ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 พย61 ให้เสนอคณะกรรมการ ปปช ทบทวนการออกประกาศดังกล่าวในส่วนของตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย คณะกรรมการ ปปชพิจารณาแล้ว เห็นว่าตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยยังคงเป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ปปช นายวรวิทย์กล่าวว่า แต่เนื่องจากเป็นตำแหน่งใหม่ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หากจะให้ประกาศฯ มีผลใช้บังคับทันทีกับผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จะกระทบต่อการบริหารงานในมหาวิทยาลัย จึงมีมติให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการ ปปชดังกล่าว เฉพาะในส่วนของตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย โดยไม่รวมถึงตำแหน่งอธิการบดี ทั้งในสถาบันอุดมศึกษา ในกำกับของรัฐ และสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดของรัฐ ตามข้อ 787 และข้อ 7106 ของประกาศ รวมถึงตำแหน่งประธานสภาสถาบัน รองประธานสภาสถาบัน และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า ตามข้อ 7861 ให้ขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ออกไปอีก 60 วัน นับแต่วันที่ 2 ธค61 และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 31 มค62 เพื่อคณะกรรมการ ปปชจะได้รวบรวมความคิดเห็นของบุคลากรทางการศึกษา ภาคส่วนต่างๆ ของสังคม เพื่อพิจารณาใ นรายละเอียดต่อไป ตำแหน่งนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ประธานสภา รองประธานสภา และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า เป็นตำแหน่งใหม่ กรรมการแต่ละคนอาจไม่คุ้นเคย ต้องใช้ระยะเวลา ถ้ามีกรรมการคนหนึ่งคนใดลาออก เรื่องการสรรหาคนมาทดแทนต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง หากบังคับใช้กฎหมายทันทีอาจมีผลกระทบต่อการบริหารงาน จึงไปดูตัวกฎหมายต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเบื้องต้นแล้ว เห็นว่าระยะเวลาบังคับใช้กฎหมาย 60 วัน เหมาะสมที่ทางมหาวิทยาลัยจะแก้ไขปัญหากรณีมีบุคลากรลาออก นายวรวิทย์ กล่าว ทางด้าน นพอุดม คชินทร รมชศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจาก ปปชขยายเวลาบังคับใช้ประกาศ ปปชออกไป 60 วัน ทำให้มีเวลาที่จะไปหาทางออก และทำให้นายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยมีโอกาส ขณะนี้ตนพยายามที่จะส่งข่าวไปยังนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยทุกแห่งว่าอย่าเพิ่งลาออก รอให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กับ ปปชได้หาทางออกกันก่อน อย่างที่ทราบกัน ผลกระทบมากกว่าที่เราคิดไว้มาก อย่างน้อยการที่ ปปชยืดออกไป 60 วัน จะได้มีเวลาหารือกันมากขึ้น ซึ่งน่าเห็นใจ ปปชเหมือนกันว่าจะหาทางออกอย่างไร เนื่องจากต้องทำตาม พรบปปชอย่างเดียว ดังนั้น มันต้องมาช่วยกันทั้งทางรัฐบาลและ ปปช เช่น จะแก้ พรบปปชใหม่หรือไม่ ซึ่งก็ต้องใช้เวลา หรือบางคนเสนอให้ใช้มาตรา 44 เป็นเรื่องที่ต้องไปคุยและตกลงกัน ผมคิดว่าถ้าจะแก้ต้องแก้ทั้งกระบิ จะมายกเฉพาะมหาวิทยาลัย แต่กลุ่มอื่นๆ อย่างองค์การมหาชนไม่ให้ก็จะเป็นประเด็นอีก ดังนั้นขอให้ใจเย็นนิดนึง อย่าเพิ่งลาออกตอนนี้ ถ้าลาออกกันเยอะๆ มันจะเกิดสุญญากาศ องค์ประชุมจะไม่ครบ มันจะลำบาก เพราะสภามหาวิทยาลัยต้องอนุมัติหลักสูตร ซึ่งมีการเสนอเข้าในที่ประชุมทุกครั้ง หรือตำแหน่งทางวิชาการ ที่มีการพิจารณากันทุกเดือน จะทำให้มีผลกระทบแน่นอน นพอุดมกล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงเวลา 60 วันที่ยืดออกไป หากนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยยืนยันจะลาออก จะเพียงพอในการหาคนใหม่มาทดแทนหรือไม่ นพอุดมกล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ทันอยู่ดี การยืด 60 วัน ทำให้คนที่คิดจะลาออกมีเวลาพิจารณามากขึ้น เพียงแต่ถ้ายังไม่พอใจสิ่งที่เราจะปรับให้ เขาก็มีสิทธิ์จะลาออกอยู่ดี ซึ่งคงเป็นช่วงท้ายๆ ในระยะเวลา 60 วัน แต่กระบวนการสรรหาใหม่เร็วสุดต้องใช้เวลา 2 เดือน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ขอว่าอย่าเพิ่งลาออก เพราะรัฐบาลเต็มที่อยู่แล้วว่าต้องพยายามหาทางออกให้ได้ รมชศึกษาธิการกล่าวว่า ตอนที่ ปปชทำประกาศไม่ได้มาปรึกษากับทางกระทรวงศึกษาธิการ เพราะ ปปชต้องทำ พรปว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยเขียนไว้กว้างๆ ว่าต้องเป็นผู้บริหารระดับสูง ส่วนเป็นใครบ้าง ปปชเป็นผู้ตีความ ซึ่งตนคิดว่าการเทียบตำแหน่งไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องทีเดียว แต่ต้องเอาอำนาจหน้าที่เป็นหลัก สภามหาวิทยาลัยอนุมัติแต่หลักสูตรและตำแหน่งต่างๆ ไม่มีสิทธิ์อนุมัติงบประมาณ แค่เห็นชอบเพื่อส่งมาให้สำนักงบประมาณ เป็นเพียงทางผ่านเฉยๆ ไม่มีอำนาจหน้าที่อะไรเกี่ยวกับเรื่องเงินเลย แต่พอ ปปชเทียบเอาตำแหน่งเป็นหลักทั้งที่บางตำแหน่งไม่เกี่ยวข้องเลย มันจึงเกิดผลกระทบ เป็นความปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดขึ้น นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาฯ กกอ) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) มีมติเกี่ยวกับประกาศ ปปช เรื่องกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พศ2561 ในส่วนของตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ยังคงเป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ปปช แต่ให้มีการขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ออกไปอีก 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2561 ดังนั้นจึงจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 มกราคม 2562 ว่าในส่วนของการลาออกจากตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยของรัฐนั้น เป็นเรื่องภายในของมหาวิทยาลัย ไม่ต้องแจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ) ซึ่งตนเข้าใจว่าหากจะมีการลาออกจริง อาจจะมีการตัดสินใจในช่วงใกล้วันที่ประกาศดังกล่าวจะบังคับใช้ เนื่องจากสภามหาวิทยาลัยจำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งนี้ หากกรรมการสภามหาวิทยาลัยตัดสินใจที่จะลาออก ก็จะมีการแจ้งให้มหาวิทยาลัยรับทราบอยู่แล้ว เพื่อที่ฝ่ายบริหารจะได้เตรียมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิมาทดแทนต่อไป เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีกรรมการสภามหาวิทยาลัยลาออก จะกระทบต่อการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยหรือไม่ นายสุภัทรกล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับปฏิทินการดำเนินงานของแต่ละมหาวิทยาลัย ซึ่งตนคิดว่าสภามหาวิทยาลัยควรจะมีการวางแผนการดำเนินงานให้ดี เช่น หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงหลักสูตรอย่างเร่งด่วน และกรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ครบ ก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ เป็นต้น ด้าน นพกำจร ตติยกวี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในส่วนของกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชุดนี้ที่กำลังจะหมดวาระอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้านี้นั้น หากปปชขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวออกไปอีก 60 วัน ตนคิดว่าน่าจะอยู่ได้ เพราะกรรมการส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสภาจุฬาฯ หรือที่อื่นๆ ที่ใกล้จะหมดวาระมองว่าการยื่นบัญชีทรัพย์เป็นความวุ่นวาย เนื่องจากใกล้จะหมดวาระแล้ว จึงตัดสินใจที่จะลาออกมากกว่า เพราะตนคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่จะยื่นหรือไม่ยื่น อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าความวุ่นวายนี้จะยังไม่จบ เพราะมหาวิทยาลัยนอกจากจะต้องการความช่วยเหลือด้านวิชาการแล้ว ยังต้องการความช่วยเหลือจากสังคมในด้านอื่นๆ ด้วย ซึ่งประสบการณ์และแนวความคิดจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะสามารถช่วยในการทำนายอนาคตของบัณฑิตที่นะผลิตขึ้นในแต่ละมหาวิทยาลัยได้ด้วย และหากขาดในส่วนนี้ไป จะหาคนมาทดแทนได้หรือไม่นั้น ตนคิดว่าเป็นประเด็นที่น่าปวดหัวของแต่ละมหาวิทยาลัย ความคิดของการแจงทรัพย์สินมาจากข้าราชการที่ทำหน้าที่เดียว และมีรายได้ทางเดียว ในขณะที่ภาคเอกชนที่ไม่ได้มีรายรับทางเดียวเหมือนกับข้าราชการ และยังมีทรัพย์สินส่วนตัวที่ไม่ต้องการจะเปิดเผย เพราะอาจจะส่งผลต่อธุรกิจ ดังนั้นการที่จะให้นักธุรกิจภาคเอกชนมาเท่ากับข้าราชการ ผมว่ามันไม่ใช่ นพกำจรกล่าว¡£
แท เว็บไซต์ 2021-02-26 23:52:42
จากการสอบปากคำเบื้องต้น นายสันติภาพรับสารภาพว่า รับยามาจากนายประสงค์ ก่อนนำมาเก็บไว้ที่ห้องที่เช่าไว้นี้ นานกว่า 5 เดือนแล้ว โดยจะรับยามาครั้งละ 1-2 กระสอบ ภายในแต่ละกระสอบจะบรรจุยาไอซ์ 40-50 กิโลกรัม รอบปีที่ผ่านมาตรวจสอบพบเครือข่ายนี้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 500 ล้าน คาดว่าวันนี้จะสามารถยึดทรัพย์ได้เพิ่มอีกเท่าตัว พลตอเฉลิมเกียรติ ระบุ£¬ ปปชยืดระยะเวลาบังคับใช้กฎหมาย 60 วัน ชะลอ นายกฯ-กรรมการสภามหาวิทยาลัย ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ระบุอาจไม่คุ้นชิน แต่ย้ำยังต้องยื่นอยู่ดี ด้าน รมชศึกษาธิการ เกรงสุญญากาศ วอนอย่าเพิ่งลาออก แนะให้เทียบอำนาจหน้าที่ อย่าแค่ตำแหน่ง เสนอทางออกแก้ กม-ใช้ ม44 เมื่อวันที่ 13 พย ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) สนามบินน้ำ จนนทบุรี นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ปปช แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ปปช ว่า ตามที่ประกาศคณะกรรมการ ปปช เรื่องกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ตามมาตรา 102 พศ2561 ได้ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 พย61 และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 2 ธค61 นั้น ต่อมามีกรณีที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ) ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 พย61 ให้เสนอคณะกรรมการ ปปช ทบทวนการออกประกาศดังกล่าวในส่วนของตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย คณะกรรมการ ปปชพิจารณาแล้ว เห็นว่าตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัยยังคงเป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ปปช นายวรวิทย์กล่าวว่า แต่เนื่องจากเป็นตำแหน่งใหม่ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หากจะให้ประกาศฯ มีผลใช้บังคับทันทีกับผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จะกระทบต่อการบริหารงานในมหาวิทยาลัย จึงมีมติให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศคณะกรรมการ ปปชดังกล่าว เฉพาะในส่วนของตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย โดยไม่รวมถึงตำแหน่งอธิการบดี ทั้งในสถาบันอุดมศึกษา ในกำกับของรัฐ และสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดของรัฐ ตามข้อ 787 และข้อ 7106 ของประกาศ รวมถึงตำแหน่งประธานสภาสถาบัน รองประธานสภาสถาบัน และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า ตามข้อ 7861 ให้ขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ออกไปอีก 60 วัน นับแต่วันที่ 2 ธค61 และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 31 มค62 เพื่อคณะกรรมการ ปปชจะได้รวบรวมความคิดเห็นของบุคลากรทางการศึกษา ภาคส่วนต่างๆ ของสังคม เพื่อพิจารณาใ นรายละเอียดต่อไป ตำแหน่งนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ประธานสภา รองประธานสภา และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า เป็นตำแหน่งใหม่ กรรมการแต่ละคนอาจไม่คุ้นเคย ต้องใช้ระยะเวลา ถ้ามีกรรมการคนหนึ่งคนใดลาออก เรื่องการสรรหาคนมาทดแทนต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง หากบังคับใช้กฎหมายทันทีอาจมีผลกระทบต่อการบริหารงาน จึงไปดูตัวกฎหมายต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเบื้องต้นแล้ว เห็นว่าระยะเวลาบังคับใช้กฎหมาย 60 วัน เหมาะสมที่ทางมหาวิทยาลัยจะแก้ไขปัญหากรณีมีบุคลากรลาออก นายวรวิทย์ กล่าว ทางด้าน นพอุดม คชินทร รมชศึกษาธิการ กล่าวว่า หลังจาก ปปชขยายเวลาบังคับใช้ประกาศ ปปชออกไป 60 วัน ทำให้มีเวลาที่จะไปหาทางออก และทำให้นายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยมีโอกาส ขณะนี้ตนพยายามที่จะส่งข่าวไปยังนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยทุกแห่งว่าอย่าเพิ่งลาออก รอให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กับ ปปชได้หาทางออกกันก่อน อย่างที่ทราบกัน ผลกระทบมากกว่าที่เราคิดไว้มาก อย่างน้อยการที่ ปปชยืดออกไป 60 วัน จะได้มีเวลาหารือกันมากขึ้น ซึ่งน่าเห็นใจ ปปชเหมือนกันว่าจะหาทางออกอย่างไร เนื่องจากต้องทำตาม พรบปปชอย่างเดียว ดังนั้น มันต้องมาช่วยกันทั้งทางรัฐบาลและ ปปช เช่น จะแก้ พรบปปชใหม่หรือไม่ ซึ่งก็ต้องใช้เวลา หรือบางคนเสนอให้ใช้มาตรา 44 เป็นเรื่องที่ต้องไปคุยและตกลงกัน ผมคิดว่าถ้าจะแก้ต้องแก้ทั้งกระบิ จะมายกเฉพาะมหาวิทยาลัย แต่กลุ่มอื่นๆ อย่างองค์การมหาชนไม่ให้ก็จะเป็นประเด็นอีก ดังนั้นขอให้ใจเย็นนิดนึง อย่าเพิ่งลาออกตอนนี้ ถ้าลาออกกันเยอะๆ มันจะเกิดสุญญากาศ องค์ประชุมจะไม่ครบ มันจะลำบาก เพราะสภามหาวิทยาลัยต้องอนุมัติหลักสูตร ซึ่งมีการเสนอเข้าในที่ประชุมทุกครั้ง หรือตำแหน่งทางวิชาการ ที่มีการพิจารณากันทุกเดือน จะทำให้มีผลกระทบแน่นอน นพอุดมกล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงเวลา 60 วันที่ยืดออกไป หากนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยยืนยันจะลาออก จะเพียงพอในการหาคนใหม่มาทดแทนหรือไม่ นพอุดมกล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ทันอยู่ดี การยืด 60 วัน ทำให้คนที่คิดจะลาออกมีเวลาพิจารณามากขึ้น เพียงแต่ถ้ายังไม่พอใจสิ่งที่เราจะปรับให้ เขาก็มีสิทธิ์จะลาออกอยู่ดี ซึ่งคงเป็นช่วงท้ายๆ ในระยะเวลา 60 วัน แต่กระบวนการสรรหาใหม่เร็วสุดต้องใช้เวลา 2 เดือน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ขอว่าอย่าเพิ่งลาออก เพราะรัฐบาลเต็มที่อยู่แล้วว่าต้องพยายามหาทางออกให้ได้ รมชศึกษาธิการกล่าวว่า ตอนที่ ปปชทำประกาศไม่ได้มาปรึกษากับทางกระทรวงศึกษาธิการ เพราะ ปปชต้องทำ พรปว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยเขียนไว้กว้างๆ ว่าต้องเป็นผู้บริหารระดับสูง ส่วนเป็นใครบ้าง ปปชเป็นผู้ตีความ ซึ่งตนคิดว่าการเทียบตำแหน่งไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องทีเดียว แต่ต้องเอาอำนาจหน้าที่เป็นหลัก สภามหาวิทยาลัยอนุมัติแต่หลักสูตรและตำแหน่งต่างๆ ไม่มีสิทธิ์อนุมัติงบประมาณ แค่เห็นชอบเพื่อส่งมาให้สำนักงบประมาณ เป็นเพียงทางผ่านเฉยๆ ไม่มีอำนาจหน้าที่อะไรเกี่ยวกับเรื่องเงินเลย แต่พอ ปปชเทียบเอาตำแหน่งเป็นหลักทั้งที่บางตำแหน่งไม่เกี่ยวข้องเลย มันจึงเกิดผลกระทบ เป็นความปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดขึ้น นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาฯ กกอ) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช) มีมติเกี่ยวกับประกาศ ปปช เรื่องกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พศ2561 ในส่วนของตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ยังคงเป็นตำแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ปปช แต่ให้มีการขยายระยะเวลาในการบังคับใช้ออกไปอีก 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2561 ดังนั้นจึงจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 มกราคม 2562 ว่าในส่วนของการลาออกจากตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยของรัฐนั้น เป็นเรื่องภายในของมหาวิทยาลัย ไม่ต้องแจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ) ซึ่งตนเข้าใจว่าหากจะมีการลาออกจริง อาจจะมีการตัดสินใจในช่วงใกล้วันที่ประกาศดังกล่าวจะบังคับใช้ เนื่องจากสภามหาวิทยาลัยจำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัยให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งนี้ หากกรรมการสภามหาวิทยาลัยตัดสินใจที่จะลาออก ก็จะมีการแจ้งให้มหาวิทยาลัยรับทราบอยู่แล้ว เพื่อที่ฝ่ายบริหารจะได้เตรียมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิมาทดแทนต่อไป เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีกรรมการสภามหาวิทยาลัยลาออก จะกระทบต่อการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยหรือไม่ นายสุภัทรกล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับปฏิทินการดำเนินงานของแต่ละมหาวิทยาลัย ซึ่งตนคิดว่าสภามหาวิทยาลัยควรจะมีการวางแผนการดำเนินงานให้ดี เช่น หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงหลักสูตรอย่างเร่งด่วน และกรรมการสภามหาวิทยาลัยไม่ครบ ก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ เป็นต้น ด้าน นพกำจร ตติยกวี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในส่วนของกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชุดนี้ที่กำลังจะหมดวาระอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้านี้นั้น หากปปชขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศดังกล่าวออกไปอีก 60 วัน ตนคิดว่าน่าจะอยู่ได้ เพราะกรรมการส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสภาจุฬาฯ หรือที่อื่นๆ ที่ใกล้จะหมดวาระมองว่าการยื่นบัญชีทรัพย์เป็นความวุ่นวาย เนื่องจากใกล้จะหมดวาระแล้ว จึงตัดสินใจที่จะลาออกมากกว่า เพราะตนคิดว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่จะยื่นหรือไม่ยื่น อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าความวุ่นวายนี้จะยังไม่จบ เพราะมหาวิทยาลัยนอกจากจะต้องการความช่วยเหลือด้านวิชาการแล้ว ยังต้องการความช่วยเหลือจากสังคมในด้านอื่นๆ ด้วย ซึ่งประสบการณ์และแนวความคิดจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะสามารถช่วยในการทำนายอนาคตของบัณฑิตที่นะผลิตขึ้นในแต่ละมหาวิทยาลัยได้ด้วย และหากขาดในส่วนนี้ไป จะหาคนมาทดแทนได้หรือไม่นั้น ตนคิดว่าเป็นประเด็นที่น่าปวดหัวของแต่ละมหาวิทยาลัย ความคิดของการแจงทรัพย์สินมาจากข้าราชการที่ทำหน้าที่เดียว และมีรายได้ทางเดียว ในขณะที่ภาคเอกชนที่ไม่ได้มีรายรับทางเดียวเหมือนกับข้าราชการ และยังมีทรัพย์สินส่วนตัวที่ไม่ต้องการจะเปิดเผย เพราะอาจจะส่งผลต่อธุรกิจ ดังนั้นการที่จะให้นักธุรกิจภาคเอกชนมาเท่ากับข้าราชการ ผมว่ามันไม่ใช่ นพกำจรกล่าว¡£จุดยืนที่มีต่อพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร¡£